วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ชมคลิป youtube แบบเต็มจอบน iPad (ios6) แบบไม่ต้องซูมด้วย Youplayer


youtube ไม่มีแอพเวอร์ชั่นสำหรับชมผ่าน iPad
ในขณะนี้หลายๆท่านที่มี iPad2 หรือ The new iPad ได้อัพเกรดอุปกรณ์ iOS6 แล้ว แต่ปัญหาคือ youtube หายไป และพอมาดาวน์โหลด youtube ของ google ผ่านทาง AppStore ตอนนี้ก็ยังมีแต่สำหรับ iPhone ไม่มีเวอร์ชั่น iPad เลยดูคลิปเวอร์ชั่นซูม ผ่านแอพ youtube เวอร์ชั่น iPhone   เลยช่วงนี้มาแนะนำฟรีแอพสำหรับชม youtube บน iPad
แอพที่แนะนำให้โหลดมาใช้ แทน youtube จาก google (ซึ่งออกแบบสำหรับจอเล็กอย่าง iPhone และ iPod touch ) แก้ปัญหาด้วยโหลดแอพ youplayer  ซึ่งสามารถดาวน์โหลดติดตั้งบน iPad มาใช้งานได้ฟรีผ่านทาง AppStore
แอพนี้มีไว้หาคลิปบน youtube และชม youtube แบบเต็มจอบน iPad ได้เลย สามารถดูคะแนนโหวต like unlike ในวีดีโอนั้นได้
และยังสามารถชมวีดีโอที่คุณอัพโหลดไว้  หรือ favourite วีดีโอที่คุณชื่นชอบ และ ชมวีดีโอช่องบน youtube ที่คุณติดตามอยู่โดย sign In บน youplayer ด้วย google account ได้เลย
สำหรับฟีเจอร์ที่ไม่มีให้ใน youplayer นั่นก็คือ การ Upload วีดีโอ ,  การคลิก Like , UnLike  , และการ comment แสดงความเห็นบนวีดีโอคลิป ซึ่งจะต้องใช้แอพ youtube ทางการจาก google หรือ  เข้าเว็บไซต์ youtube.com บนเว็บบราวเซอร์ถึงสามารถ comment แสดงความเห็นได้ และอีกประการคือ แอพนี้มีโฆษณาด้านบนด้วย ซึ่งใครอยากปิดโฆษณาก็จะต้องเสียเงินซื้อแอพ Youplayer
อย่างน้อยก็มีแอพ Youplayer ไว้สำหรับ ชม youtube บน iPad จุใจเต็มจอกันไปแล้ว คราวนี้ก็ได้แต่รอว่า Google จะเปิดตัวแอพ youtube เวอร์ชั่น iPad เมื่อไหร่ ?

 Credit : http://www.it24hrs.com/2012/how-to-view-youtube-on-ios6-app-with-youplayer/

เรื่องน่ารู้ก่อนอัพเดทเป็น iOS 6 และวิธีอัพเดท iOS 6 แบบ OTA

แอปเปิลมีกำหนดปล่อย iOS 6 ในวันที่ 19 กันยายนนี้ ซึ่งตรงกับช่วงเที่ยงคืนวันพฤหัสตามเวลาในประเทศไทย
เชื่อว่าตอนนี้หลายคนที่ใช้งาน iPhone และ iPad กำลังรอคอยการอัพเดทและได้สัมผัสกับระบบปฏิบัติการบน
สมาร์ทโฟนตัวล่าสุดตัวนี้อย่างแน่นอน สำหรับ iOS 6 มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่มากถึง 200 ฟีเจอร์ ส่วนด้านราย
ละเอียดต่างๆ ทางแอปเปิลได้พรีวิวให้ดูแล้วในงานเปิดตัว New iPad ที่ผ่านมา และหลายคนที่ได้ทดลองใช้งาน
เวอร์ชั่น Beta คงทราบถึงฟีเจอร์ใหม่ต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามาแล้ว วันนี้จึงขอแนะนำสำหรับผู้ใช้งานมือใหม่ที่ต้องการ
อัพเดท iOS จากเวอร์ชั่นอื่นๆ เป็น iOS 6 กับเรื่องน่ารู้ก่อนอัพเดทเป็น iOS 6 ติดตามได้เลยครับ
เรื่องน่ารู้ก่อนอัพเดทเป็น iOS 6 
  • iOS 6 สามารถอัพเดทได้บน iPhone 3GS, iPhone 4, iPhone 4S, iPod Touch 4th Gen, iPad 2 และ
    The new iPad ต้องเป็นเครื่องแบบ Official unlocked ที่ซื้อจาก True, AIS, Dtac หรือ Apple Store Thai
  • iOS 6 จะมาพร้อมกับคีย์บอร์ดไทย 4 แถวเป็นค่ามาตรฐาน หากใครยังชอบหรือยึดติดกับคีย์บอร์ดไทย 3 แถว
    แนะนำว่าไม่ควรอัพเดทหรืออาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวในการพิมพ์สักระยะ
  • iOS 6 ไม่มีแอพฯ ดู Youtube มาให้แล้ว ซึ่งปกติใน iOS เวอร์ชั่นอื่นๆ จะมีแอพฯ Youtube มาให้เป็นแอพฯ พื้นฐาน
    หลังจากแอปเปิลทำ iOS 6 และหมดสัญญากับทางกูเกิล แอปเปิลก็เลยเอาแอพฯ Youtube ออก แต่ไม่ต้องตกใจ
    เพราะทางกูเกิลได้ออกแอพฯ ดู Youtube สำหรับ iPhone และ iPod Touch แล้วฟรี!
  • iOS 6 ไม่มีแอพฯ ดูแผนที่จาก Google Maps คงเป็นเหตุผลเดียวกับที่ไม่มีแอพฯ Youtube ซึ่งบน iOS 6 แอปเปิล
    ได้ใช้แอพฯ แผนที่ที่พัฒนาขึ้นมาเองและรองรับการใช้งานแบบ 3 มิติด้วย ซึ่งการใช้งานในประเทศไทยยังทำงานได้
    ไม่ดีเท่าไหร่นัก
  • iOS 6 มีการอินทิเกรท Facebook และ Twitter สามารถโพสต์และทวีตเพียงเลื่อน Notifications ลงมา
  • iOS 6 มีปรับปรุงให้ Siri ฉลาดขึ้นสามารถถามผลการแข่งขันกีฬา หาร้านอาหารได้ รอบหนัง แต่เมืองไทย Siri เป็น
    ฟีเจอร์ที่คนใช้งานน้อยมาก (ถ้าไม่เก่งภาษาอังกฤษ)
  • iOS 6 ใช้งาน FaceTime ผ่าน 3G ได้แล้ว เฉพาะ iPhone 4S, iPhone 5 และ The new iPad
  • iOS 6 เพิ่มแอพฯ Passbook เป็นระบบตั๋วคูปองพกพาแอพฯ เดียวอยู่ แต่ก็เป็นอีกแอพฯ ที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ในไทย
  • iOS 6 ปรับปรุงแอพฯ โทรศัพท์ใหม่ (Phone) เพิ่มวิธีรับสายแบบใหม่ โดยการลากขึ้นด้านบนเหมือนกับเปิดกล้องจากหน้า
    ล็อกสกรีน และเพิ่มเมนูช่วยเตือนให้โทรกลับภายหลัง หรือส่งข้อความแทนการรับสายได้
  • iOS 6 ฟีเจอร์ Do Not Disturb ปิดการแจ้งเตือนต่างๆ (ชอบมาก) คือปิดการแจ้งเตือนต่าง ๆ จะไม่มีการแจ้งเตือนมา
    รบกวน (ใช้กรณีที่ต้องการพักผ่อนหรือตอนนอนหลับ) โดยการแจ้งเตือนต่าง ๆ ยังคงเคลื่อนไหวตามปกติ เพียงแต่จะ
    ไม่แสดงผลให้เราทราบนั้นเอง
  • App Store ดีไซน์ใหม่ สามารถกดไลค์ แชร์แอพฯ ที่น่าสนใจไปยัง Facebook ได้
  • แชร์รูปภาพที่ต้องการใน Photo Streams ให้เพื่อนได้ผ่าน iCloud ได้
  • เพิ่มเมนูแชร์ไอคอนต่างๆ เช่น ต้องการแชร์ไปเฟซบุ๊กก็มีไอคอนเฟซบุ๊ก คล้ายๆ กับของ Android
  • iOS 6 ปรับปรุงการถ่ายภาพและมาพร้อมกับฟีเจอร์ Panorama ถ่ายภาพพาโนรามาเหมือน iPhone 5
  • ปรับปรุง Safari อ่านเว็บแบบออฟไลน์ได้ และเพิ่มฟีเจอร์ Smart app banners สำหรับแนะนำแอพฯ จากหน้าเว็บที่
    เปิดอยู่ หรือซิงก์การทำงานนั้นไปยังแอพฯ ได้และเพิ่ม iCloud Tabs สำหรับซิงก์แท็บที่เปิดในอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ซิงก์
    ข้อมูลจากไอโฟนผ่าน Safari ได้
  • อื่นๆ อีกมากมาย ฮ่าๆ ต้องไปลองเล่นเอาเองนะครับ อันนี้เขียนตัวที่เด่นๆ เท่านั้นนะครับ
วิธีอัพเดท iOS แบบ OTA (Over The Air) ผ่าน Wi-Fi เท่านั้น (ภาพตัวอย่างเป็น iOS Beta 3)
  • ก่อนอัพ iOS 6 แนะนำให้ BackUp ข้อมูลไว้ก่อนนะครับ เผื่อเกิดข้อผิดพลาดจะได้แก้ไขได้ทัน
  • ในกรณีที่อัพเดทผ่าน iTunes ควรอัพเดท iTunes เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดก่อนนะครับ ดาวน์โหลดได้ที่นี่ 
  • เครื่องที่เจลเบรค แนะนำว่าอย่าเพิ่งอัพเดท ควรรอเวอร์ชั่นเจลเบรคนะครับ
  • อย่าลืมเช็คพื้นที่บน iPhone, iPad ก่อนนะครับ ว่าเหลือเพียงพอต่อการอัพเดทไหม โดยไปที่เมนู Usage
ดาวน์โหลด iOS 6 แบบลิงก์ตรงอัพผ่าน iTunes โดยกด Shift ค้างแล้วคลิก Check for Update
จากนั้นเลือกไฟล์อัพเดทที่ต้องการ
1. เปิดแอพฯ Settings (ตั้งค่า) > General (ทั่วไป) > Software Update (อัพเดทซอฟท์แวร์)
2. ระบบจะทำการเช็คว่ามีซอฟท์แวร์ใหม่หรือไม่ หากมีซอฟท์แวร์ใหม่ก็จะแสดงรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับซอฟท์แวร์ตัวใหม่
ในขั้นตอนนี้ให้แตะเลือก Download and Install
3. Terms and Conditions จะอธิบายเกี่ยวกับข้อกำหนดการใช้งานต่าง ๆ ให้แตะปุ่ม Agree จากนั้นจะมีข้อความแนะนำว่า
การอัพเดทซอฟท์แวร์จะทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน หาก iPhone เรามีแบตเตอรี่เพียงพอให้กด Continue ได้เลย แต่ถ้า
iPhone เหลือปริมาณแบตน้อยให้ทำการเสียบสายชาร์จก่อนกด Continue
4. เริ่มดาวน์โหลดไฟล์อัพเดท โดยจะมีสถานะแสดงการดาวน์โหลด เมื่อดาวน์โหลดเสร็จจะมีข้อความแสดง ให้แตะปุ่ม Install
เพื่อติดตั้งซอฟท์แวร์อัพเดท
5. หลังจากแตะปุ่ม Install จะมีข้อความ Verifying update เพื่อทำการตรวจสอบและยืนยันการติดตั้ง จากนั้นหน้าจอ
iPhone ก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำ ขั้นตอนนี้ให้รอสักครู่ ระบบกำลังทำการอัพเดทซอฟท์แวร์ใหม่ เมื่ออัพเดทเสร็จ iPhone
จะ Restart เครื่องเองและจะทำการเริ่มระบบใหม่ให้อัตโนมัติ

Credit : http://www.108blog.net/archives/7725

5 วิธีในการเซฟแบตเตอรี่บน iOS 6

หลายๆคนอัพเกรด iOS 6 แล้วพบปัญหากวนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคีย์บอร์ดภาษาไทยแบบ 4 แถว แผนที่ Apple Maps รวมไปถึง “แบตเตอรี่หมดเร็ว” ทางแก้ของเราตอนนี้คือการทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ประหยัดแบตให้มากที่สุด และอาจจะต้องพึ่งแบตเตอรี่พกพาเพื่อชาร์จอุปกรณ์ iOS ขณะอยู่ข้างนอก เรามีคำแนะนำในการประหยัดแบตเตอรี่มาฝาก
ปัญหาเรื่องอายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่อการชาร์จแต่ละครั้ง เป็นปัญหาที่บ่นกันทุกครั้งที่ Apple ออก iOS เวอร์ชั่นใหม่ และเมื่อ iOS 6 และ iPhone 5 ออกวางจำหน่ายในหลายๆประเทศ (ในประเทศไทยจะมีจำหน่ายอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้)
วิธีการที่เราจะแนะนำก็คือ การปิดคุณสมบัติที่ไม่จำเป็นในการใช้งาน เพราะแม้ว่าเราจะไม่ได้ใช้งาน บางคุณสมบัติก็มีการรันแบบแบล็คกราวน์ คุณสามารถเลือกปิดในบางคุณสมบัติหากไม่ได้มีการใช้งาน และเปิดเมื่อต้องการใช้งาน เพื่อยืดระยะเวลาในการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น
1) ปิดการเชื่อมต่อทุกอย่างที่ไม่ได้จำเป็นในการใช้งาน
ปิดการเชื่อมต่อ Cellular Data ที่ไม่จำเป็น 3G, 4G (หากตัวเครื่องรองรับ) ปิด Wi-Fi, Bluetooth, Data Roaming, Personal Hotspot หากไม่ได้มีการใช้งาน ส่วนใครที่ชอบเลือก Wi-Fi ให้จับสัญญาณอัตโนมัติ ให้ปิดไว้เลย หากต้องการใช้งานจริงๆค่อยเปิด ส่วนใครที่ใช้ iPhone 5 แนะนำให้ปิด LTE รวมไปถึงการปิด Facetime ด้วย
2) ปิดการแจ้งเตือนทุกอย่างที่ไม่จำเป็น
ตอนแรกๆหลายๆคนก็ชอบกับการแจ้งเตือน เวลามีคนมาคอมเมนต์ มากด like ใน instagram แต่รู้ไหมว่า ตอนนี้หลายๆคนมีทั้ง Line, Whatsapp, Twitter, Instagram, Path ยิ่งสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ ปิดการแจ้งเตือนให้หมด รวมไปถึง Facebook ด้วย และหากคุณไม่ใช่คนที่ใช้งาน Facebook ตลอดเวลา ในช่วงเวลาเรียน ทำงาน อาจจะล็อกเอ้าท์ออก กลางคืนกลับบ้านค่อยล็อกอินเข้าใช้งานก็ช่วยประหยัดแบตได้มาก เพราะถึงแม้ว่าคุณไม่ได้เปิดใช้งาน แอพอย่าง twitter ก็มีการตรวจสอบข้อความใหม่ มีการถ่ายโอนข้อมูลซึ่งมีผลกับแบตเตอรี่
2.1 ปิดการแจ้งเตือนจากแอพ
เข้าไปที่เมนู Setting ของแอพ และตั้งค่ากำหนด Notification เอง เพราะบางแอพจะมีให้เลือกปิดการแจ้งเตือนจากแอพ ในตัวอย่างเป็นการปิดการแจ้งเตือน Whatsapp, Facebook โดยกำหนดค่าในแอพ
3) ปิดการแจ้ง Push Mail
บางครั้งการรออีเมล์สำคัญก็จำเป็น แต่หากคุณไมได้ทำงานที่ต้องเฝ้ารออีเมล์อย่างเร่งด่วน รีบตอบอีเมล์เดี๋ยวนั้น การปิดการแจ้งเตือน Push ทำให้ช่วยประหยัดแบตได้มาก เพราะตอนนี้หลายๆคนก็ใช้หลายบัญชีอีเมล์ ยิ่ง Push ยิ่งเปลืองแบต โดยตั้งค่า Setting > Mail, Contacts, Calendar > Fetch New Data เลือก Off หรือเลือก Advance เพื่อกำหนดให้ Push เฉพาะบัญชีอีเมล์สำคัญเท่านั้น
4) ปิด Auto Lock หน้าจอ, ลดความสว่างแสงหน้าจอ
5) ใช้ Readling List
วิธีนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเซฟแบตโดยตรง แต่เราสามารถดาวน์โหลดเว็บไซต์ทั้งเว็บ เก็บไว้ดูตอนที่ไม่มีการเชื่อมต่อได้ หากเราปิด 3G หรือปิด Data บน iOS 6 สามารถอ่านหน้าเว็บแบบออฟไลน์ คือไม่ต้องต่อเน็ต เช่น การอ่านบทความยาวๆ กระทู้ยาวๆ ในภาพลองเปิดเว็บไซต์ IT24hrs.com แล้วเลือก Add to Reading List จากนั้นเปิด Airplane Mode แล้วอ่านหน้าเว็บได้เลยโดยไม่ต้องต่อเน็ต
สำหรับวิธีสุดท้าย ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ นั่นคือซื้อแบตเตอรี่ต่อภายนอกเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นแบบพกพา แบบเสียบด้านล่างของอุปกรณ์ iOS หรือแบบเป็นเคสพร้อมแบตเตอรี่ในตัว

 Credit : http://www.it24hrs.com/2012/how-to-save-battery-life-on-ios-6-iphone-5/low-batt/

iOS 6 vs iOS 5

iOS 6 vs iOS 5 : เทียบกันชัดๆ แบบจุดต่อจุด User Interface บน iOS 6 ต่างจาก iOS 5 อย่างไร?
หลังจากที่ได้เห็นความสามารถใหม่ของ iOS 6 จาก บทความเจาะลึกฟีเจอร์ iOS 6 กันไปแล้ว จะเห็นได้ว่า iOS 6 มีฟีเจอร์การใช้งานในหลายส่วนที่เปลี่ยนแปลง และน่าใช้มากทีเดียวครับ ซึ่งนอกจาก iOS 6 จะเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานแล้ว ในส่วนของ User Interface หรือ หน้าตาของ iOS 6 นั้น ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจาก iOS 5 บ้างเหมือนกัน แต่จะมีการเปลี่ยนในเรื่องใดบ้าง เราจะมาทำการเปรียบเทียบในแต่ละจุด ให้ดูกันครับ
เริ่มกันที่หน้า Lock screen กันก่อน จะเห็นได้ว่า ในหน้า Lock screen บน iOS 6 ไอคอนรูปกุญแจได้หายไปแล้ว
ในส่วนของการรีเฟรชอีเมลมาใหม่ iOS 5 นั้น เป็นไอคอนรีเฟรชด้านล่างซ้าย ส่วน iOS 6 จะเป็นการดึงจากบนลงล่าง เพื่อทำการรีเฟรช นอกจากนี้ แถบบาร์ด้านบน เปลี่ยนเป็นสีโทนฟ้าน้ำทะเล แทนที่สีเงินแบบเดิม
บน iOS 6 นั้น สามารถเพิ่มรูป หรือวิดีโอได้จากหน้าเขียนอีเมลใหม่แล้ว โดยสามารถเพิ่มได้ครั้งละ 1 รูป
Interface ของแอพพลิเคชั่นกล้องถ่ายรูปนั้น ได้มีการเปลี่ยนแถบบาร์ด้านล่าง จากสีเงิน เป็นสีดำ
ในส่วนของ Camera Roll นั้น ได้เพิ่มปุ่ม Photo Stream เข้ามา ซึ่งจะต้องเปิดใช้งาน Photo Stream ก่อนในหน้า Settings
ไอคอน Maps มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีการเปลี่ยนจาก Google Maps มาเป็น Apple Maps นั่นเอง
แอพพลิเคชั่น Weathers มีการเปลี่ยน UI เล็กน้อย สังเกตตรงขอบ และเส้นแบ่งการพยากรณ์อากาศในแต่ละวันครับ
User Interface ของ Safari นั้น ได้มีการเปลี่ยนสีแถบบาร์ด้านบน จากสีเทา เป็นสีดำ
นอกจากนี้ ยังสามารถแชร์หน้าเว็บเพจได้ ทั้งผ่านทาง อีเมล, Messages, Twitter หรือ Facebook รวมถึงสั่งพรินต์, Copy, Bookmark, เพิ่มในรายการ Reading List และเพิ่มเป็นไอคอนในหน้า Home Screen
นอกจากนี้ การใช้ Safari ในแนวนอน จะสามารถเปิดหน้าเว็บนั้นๆ แบบ Full screen ได้ โดยกดที่ปุ่มลูกศรขยาย มุมล่างขวา
ในส่วนของไอคอน Bookmarks นั้น มี iCloud Tabs เพิ่มเข้ามา
Game Center ได้มีการเพิ่มปุ่ม Challenges
ในส่วนของการใช้งานโทรศัพท์นั้น ได้มีการเปลี่ยน UI ใหม่ จากสีดำ เป็นสีเทาอ่อน แต่ความเห็นส่วนตัวคือ แบบเก่าดูสวยกว่านะครับ
Notification Center สามารถทวีตข้อความลง Twitter ได้จากส่วนนี้
หน้า Settings ได้มีการเพิ่มส่วนของ Do Not Disturb เข้ามา และตัด Personal Hotspot ออก (แต่สามารถเปิดใช้งานได้ ในหมวด Cellular) ส่วนบาร์ด้านบน มีการเปลี่ยนสีเล็กน้อย
ส่วนการปิดการใช้งานเครือข่าย 3G ได้ถูกเอาออกไปบน iOS 6
ในส่วนของ App Store นั้น ได้มีการ re-design เล็กน้อยครับ โดยเปลี่ยนจากพื้นหลังสีเทาเข้ม เป็นสีเทาอ่อน ดูสว่างขึ้น ในส่วนของแท็บ Featured นั้น เปลี่ยนจากการเลื่อนจากบนลงล่าง เป็นจากซ้ายไปขวา และตัดเมนู Top 25 ออกครับ
นอกจากนี้ iOS 6 ยังได้มีการปรับคีย์บอร์ดภาษาไทยให้เป็น 4 แถว จากเดิม 3 แถว ซึ่งการใช้งานในแนวตั้งนั้น อาจจะใช้งานยากซักเล็กน้อยครับ เนื่องจากระยะห่างระหว่างปุ่มนั้นน้อยมาก คนที่นิ้วใหญ่คงจะกดลำบากซักหน่อย แต่ถือว่า ใช้งานได้สะดวกขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
สำหรับด้านบนนั้น เป็นการเปรียบเทียบ User Interface ระหว่าง iOS 5 กับ iOS 6 แบบคร่าวๆ ครับ ซึ่งจริงๆ แล้ว อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่านี้ สำหรับความเห็นส่วนตัวนั้น ชื่นชอบคีย์บอร์ดภาษาไทยแบบ 4 แถวครับ เนื่องจากพิมพ์ได้สะดวกขึ้นมาก แต่น่าเสียดายที่ปุ่มกดมีขนาดเล็กไปซักเล็กน้อยครับ ซึ่งส่วนที่ไม่ชอบบน iOS 6 คงจะเป็นหน้าโทรออก ที่เปลี่ยนจากสีดำ เป็นสีเทาอ่อน ความรู้สึกส่วนตัวคือ ชอบแบบเก่ามากกว่าครับ เพราะสีเข้มแบบเดิมจะให้ความรู้สึกที่เป็นมิติมากกว่า
อย่างไรก็ดี iOS 6 ที่เปิดให้นักพัฒนาได้ทดสอบใช้งานนี้ เป็นเพียงเวอร์ชั่น beta เท่านั้น ซึ่งการออกอัพเดทในเวอร์ชั่นถัดไป คงจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกมาก และต้องออกแบบให้ผู้ใช้งานจริง ได้ใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุดนั่นเองส่วนกำหนดการอัพเดท iOS 6 สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป จะสามารถอัพเดทได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้ หรือประมาณเดือนกันยายนนั่นเองครับ
Credit : http://hitech.sanook.com/951901/ios-6-vs-ios-5-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%86-%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94/

ios คืออะไร ?

ไอโอเอส (iOS) หรือในชื่อเดิมคือ ไอโฟนโอเอส (iPhone OS) เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟนของบริษัทแอปเปิล (Apple Inc.) หรือในชื่อเดิม แอปเปิลคอมพิวเตอร์ (Apple Computer Inc.) โดยเริ่มต้นพัฒนาสำหรับใช้ในโทรศัพท์ไอโฟน (iPhone) เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550
และได้พัฒนาต่อในเวอร์ชั่น iOS 2.x ใช้สำหรับ ไอพอดทัช (iPod Touch) และ ไอแพด (iPad) เปิดตัวเมื่อ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 โดยระบบปฏิบัติการนี้สามารถเชื่อมต่อไปยังแอปสโตร์ (App Store) สำหรับเข้าถึงแอปพลิเคชัน (Application) มากมาย โดยใช้งานได้ในเวอร์ชั่น iOS 2.x เป็นครั้งแรกอีกด้วย
---------------------------------------------------------------------------------------------------------ฟรี! โปรแกรมรวมข่าวจากทุกสำนักทั่วประเทศ ข่าวรับตรง สอบตรง แอดมิชชั่น ค่ายกิจกรรม ทุนการศึกษา ข่าวครู อาชีวศึกษา ศึกษาต่อต่างประเทศ
พร้อมระบบ Alert แจ้งข่าวอัตโนมัติทันที เมื่อมีข่าวใหม่ ใช้งานง่าย ติดตั้งง่าย ดาวน์โหลดฟรีที่นี่ >>โปรแกรม Live Education News

Credit : http://blog.eduzones.com/ultapix/98577

'Apple iOS 6' มีอะไรใหม่ น่าเล่นบ้าง!

ปล่อยมาแล้วกับ OS ล่าสุดจาก Apple iOS 6  มีอะไรใหม่ๆบ้าง มาดูกัน

1. คีย์บอร์ดไทย 5 แถวทำให้สะดวกต่อการใช้งาน
2. Apple Map 3D
อาจเรียกได้ว่าเป็นตัวชูโรงกับ iOS 6 ตัวนี้เลยก็ได้ ที่ Apple ได้เลือกที่ตัดขาดกับ Google Map แล้วหันมาทำ Map เอง ที่ทำออกมาได้ดีซะด้วยแต่ก็ยังไม่ครอบคลุมเท่าไรกับ 3D และ ระบบนำทาง Turn by Turn (รองรับ iPhone 4S, iPhone 5, iPad Gen2&3,iPod touch Gen5)

3. กล้อง  
ในส่วนของกล้องเองก็สามารถใช้โหลดถ่ายภาพ Panorama เพิ่มขึ้นมาได้อีกด้วย (รองรับ iPhone 4S, iPhone 5 ,iPod touch Gen5)

4.หน้า Home
ตอบรับสาย เราสามารถสไลด์ขึ้นมา จะมีเมนูสำหรับตัดสายหรือส่งข้อความกลับไปหาได้

5. Passbook  App Passbook
สำหรับผู้ที่มีบัตรสมาชิกต่างๆหลายๆใบ ตั๋ว คูปองต่างๆแต่ก็ไม่รู้ว่าประเทศไทยจะได้ใช้มากน้อยแค่ไหน

6. Safari Browser
สามารถที่จะเป็นโหมด Full Screen ได้ และสามารถ Save หน้า แบบ Offline ได้ด้วย (รองรับ iPhone 4 ขึ้นไป , iPad Gen 2 ขึ้นไป)

7. ปุ่มมหัศจรรย์ AssistiveTouch
มีความสามารถเพิ่มขึ้นมากจาก iOS 5 ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่การถ่าน SscreenShot หรือแม้แต่การเรียกใช้ Siri เองก็ตามก็สามารถทำได้เช่นกัน (วิธีการเปิดใช้ปุ่มนี้ไปที่ Setting > General > Accessibility >  AssistiveTouch > ON)

8. Keypads
มีการปะแป้งทาปากใหม่เล็กน้อย ดูแปลกตาไปอีกแบบ

9. Music
ปรับหน้าตาเมนูใหม่ไฉไลน่าใช้กว่าเดิม

10. App Store 
ปรับหน้าตาเมนูการแสดงผลใหม่ให้ดูง่ายและหน้าใช้กว่าเดิม

11. Youtube
ถึงแม้ว่า Apple จะทำการตัด App YouTube ออกจาก iOS ไป ทาง Google เองก็ไหวตัวทันออก App YouTube มาให้โหลดทาง App Store เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ

12. Integrate Facebook & Twitter  
สำหรับ iOS 6 รองรับทั้ง Facebook & Twitter อย่างเต็มรูปแบบโดยสามารถโพสข้อความได้โดยเพียงแค่ลาก Notification ลงมาเท่านั้นก็สามารถโพสได้อย่างรวดเร็ว แถมสามารถแชร์รูปจากในอัลบั้มก็ได้อีกด้วย

13. Siri 
Siri เพิ่มความสามารถเข้ามามากมายแต่ก็ยังไม่รองรับภาษาไทยอีกเช่นเดิม ส่วนถ้าอยากรู้ว่า Siri ใหม่ทำอะไรได้บ้างลองถาม "What can I do" ดูครับ (รองรับ iPhone 4S, iPhone 5, iPad Gen3,iPod touch Gen5)

14. Weather 
ปรับสีใหม่ สวยกว่าเดิม

15. Facetime on 3G 
ต่อไปนี้เราไม่ต้อง Facetime ได้เฉพาะบน Wifi อีกต่อไปเพราะสามารถใช้ 3G ได้แล้ว แต่ระวังสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้เพ็กเก็จอินเตอร์เน็ต (รองรับ iPhone 4S, iPhone 5, iPad Gen3)

16. Do Not Disturb 
ซึ่งจะปิดเสียงข้อความแจ้งเตือนต่างๆและสายเรียกเข้าทั้งหมดรวมถึงป้องกันหน้าจอไม่ให้สว่างขึ้นในขณะนอนหลับหรือขณะทำงาน และยังสามารถกำหนดเวลาอัตโนมัติว่าจะใช้งานโหมด DND ในช่วงเวลาใด

17. New Emoji 
มี Emoji น่ารักๆเพิ่มมาอีกเยอะเลย


 Credit : http://news.voicetv.co.th/technology/50929.html